History

แบตเตอรี่ VARTA ถือกำเนิดขึ้นในประเทศ เยอรมันนี โดยบริษัทที่ชื่อว่า Büsche & Müller ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2430 และเป็นผู้คิดค้น และเจ้าของลิขสิทธิ์ โครงกริดแบตเตอรี่ ที่เรียกว่า พาวเวอร์เฟรม (PowerFrame) ที่ได้รับการยอมรับว่า เป็นโครงกริดที่มีคุณสมบัติดีเลิศ ในการผลิตแบตเตอรี่ชนิดพิเศษ อย่างเช่น แบตเตอรี่ชนิด AGM และ EFB จนเป็นที่มาของการพัฒนาระบบเทคโนโลยีรถยนต์ ที่ใช้เครื่องยนต์ระบบ STOP-START หรือระบบ ISS ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน โดยในปี พ.ศ. 2552 มีการประมาณการณ์ว่า 80% ของรถยนต์ระบบ START-STOP ที่ถูกผลิตขึ้น ได้เลือกติดตั้งแบตเตอรี่ VARTA โดยผู้ผลิตรถยนต์ค่ายต่างๆ

These Car Manufacturers Fit VARTA

Automotive

  • Audi
  • BENTLEY
  • BMW
  • CHRYSLER
  • CHEVROLET
  • CITROËN

  • Ferrari
  • FIAT
  • Ford
  • GENERAL MOTORS
  • HONDA
  • HYUNDAI
  • JAGUAR
  • LAND ROVER
  • KIA
  • MASERATI
  • Mercedes-Benz
  • NISSAN
  • Opel
  • PEUGEOT
  • RENAULT
  • SEAT
  • ŠKODA
  • VAUXHALL
  • Volkswagen
  • VOLVO

Commercial Vehicles

  • AGCO
  • BOMAG
  • CATERPILLAR
  • DAF
  • DAIMLER
  • IVECO
  • JOHN DEERE
  • MAN
  • NACCO
  • SCANIA
  • VALTRA
  • VOLVO

 

  • ปี พ.ศ. 2554 : บริษัท น้ำมันปิโตรเลียมไทย จำกัด ได้เริ่มนำเข้าแบตเตอรี่ VARTA ในกลุ่มของสินค้า VARTA SILVER DYNAMIC จากประเทศเยอรมันนี เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ในตลาดทดแทน (REM)
  • ปี พ.ศ. 2559 : โครงกริด “ไฮ-ฮีต พาวเวอร์เฟรม” (Hi-Heat PowerFrame) ประสบความสำเร็จอย่างมากในการทดสอบจากการใช้งานจริงในรถยนต์ ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  • ปี พ.ศ. 2560 บริษัท น้ำมันปิโตรเลียมไทย จำกัด ได้มีการนำเข้าแบตเตอรี่ VARTA เพิ่มเติม ในกลุ่มของสินค้า VARTA BLUE DYNAMIC และ ในกลุ่มสินค้า VARTA BLACK DYNAMIC ที่เป็นเทคโนโลยี “ไฮ-ฮีต พาวเวอร์เฟรม” ซึ่งใน 2 กลุ่ม ดังกล่าว มีฐานการผลิตอยู่ในประเทศเกาหลีใต้
Idle Stop Start (ISS)

ISS คืออะไร?

รถยนต์ที่ติดตั้งระบบ  ISS มักถูกเรียกว่า micro hybrid หรือ mild hybrid   โดยได้มีการพัฒนาโดยผู้ผลิตเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ระบบ ISS สามารถใช้งานได้ทั้งกับเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลที่มีระบบเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติและเนื่องจากต้นทุนการพัฒนาที่ต่ำเมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดทำให้จำนวนรถยนต์ที่มีระบบ ISS เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ระบบ ISS จะทำงานโดยการดับเครื่องยนต์เมื่อรถยนต์หยุดอยู่กับที่เช่น เมื่อติดไฟแดงหรือเมื่อรถติด และเครื่องยนต์จะกลับมาทำงานอีกครั้งเมื่อทำการปล่อยเบรคหรือเหยียบคันเร่ง

การแยกแยะว่ารถยนต์มีระบบ Idle Stop Start (ISS) หรือไม่

รถยนต์ที่มีระบบ ISS สามารถใช้งานได้ทั้งกับเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลที่มีระบบเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติ  อาจไม่สามารถระบุได้ว่ารถยนต์มีเทคโนโลยี ISS โดยการเปิดดูเครื่องยนต์ที่กระโปรงรถเนื่องจากผู้ผลิตไม่ได้ทำการแสดงว่ารถยนต์ใช้ระบบ ISS ที่บริเวณชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ ผู้ผลิตรถยนต์บางรายจะทำการติดตั้งเครื่องมือหรือแสดงสํญลักษณ์ระบบ ISS บนแผงหน้าปัดรถยนต์เพื่อให้สามารถเปิด-ปิดการใช้ระบบได้ตามต้องการ

เพื่อหลีกเลี่ยงการติดตั้งแบตเตอรี่ที่ไม่ถูกต้องหรือแบบธรรมดาเข้ากับรถที่เป็นระบบ ISS ให้ทำการตรวจสอบตามรายการต่อไปนี้

  • รถยนต์ของท่านมีการดับของเครื่องยนต์เมื่อรถหยุดอยู่กับที่หรือไม่?
  • ท่านเห็นสัญลักษณ์ของระบบ ISS บนแผงหน้าปัดรถยนต์หรือไม่?
  • ที่รถยนต์ของท่านมีสวิตช์เพื่อเปิดการใช้งานระบบ ISS เมื่อท่านต้องการหรือไม่?
  • ตรวจสอบแบตเตอรี่ที่รถของท่านว่าเป็นแบตเตอรี่ชนิด EFB หรือ AGM หรือไม่?

หากท่านยังไม่มั่นใจให้ทำการสอบถามที่ศูนย์บริการ เพื่อให้แน่ใจว่ารถยนต์ของท่านเป็นระบบ ISS และได้ใช้แบตเตอรี่ที่เหมาะสมกับรถยนต์ของท่านแล้ว

Enhanced Flooded Battery (EFB)

เป็นแบตเตอรี่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้มีประสิทธภาพสูงกว่าแบตเตอรี่ชนิดตะกั่ว-กรดธรรมดาทั่วไป โดยมีการเพิ่ม Polyfleece Scrim ระหว่างแผ่นธาตุบวกและแผ่นกั้น โดยจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะของเนื้อเคมีกับโครงกริด ,การลดการกัดกร่อนของแผ่นธาตุ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน deep cycle และเพิ่มประสิทธิภาพ Charge acceptance

มีการเติมส่วนประกอบเพื่อลดการแยกชั้นของน้ำกรดและน้ำกลั่นภายในหม้อแบตเตอรี่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ Charge acceptance และเพิ่มอายุการใช้งานของแบตเตอรี่

มีการใช้โครงกริดที่หนากว่าแบตเตอรี่ทั่วไปเพื่อเพิ่มอายุการใช้งานของแบตเตอรี่

EFB แบตเตอรี่ Vs แบตเตอรี่ธรรมดา (Conventional battery)

สำหรับการใช้รถยนต์ในเมืองของรถที่มีระบบ ISS อาจจะมีการหยุดและสตาร์ทเครื่องยนต์ประมาณ 1-2 ครั้งต่อ 1 กิโลเมตร ซึ่งอาจจะทำให้แบตเตอรี่ต้องทำงานหนักและแบตเตอรี่ต้องทำงานอย่างต่อเนื่องบางครั้งอาจจะมีการสตาร์ทเครื่องยนต์แม้แบตเตอรี่จะอยู่ในช่วงของการชาร์จไฟ

เนื่องจากแบตเตอรี่ทั่วธรรมดาไม่เหมาะที่จะนำมาใช้กับรถยนต์ที่มีระบบ ISS เนื่องจากไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้พลังงานและการทำงานของระบบดังกล่าว หากทำการนำแบตเตอรี่ธรรมดามาติดตั้งในรถยนต์ที่มีระบบ ISS  อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบไฟฟ้าของรถยนต์และทำให้แบตเตอรี่ลัดวงจรได้

แบตเตอรี่ที่จะนำมาใช้กับรถยนต์ที่มีระบบ ISS ควรจะเป็นแบตเตอรี่สำหรับระบบ ISS  โดยเฉพาะนั่นก็คือแบตเตอรี่ชนิด EFB หรือ AGM

อย่างไรก็ตามแบตเตอรี่ชนิด EFB หรือ AGM ซึ่งออกแบบมาสำหรับรถยนต์ที่มีระบบ ISS สามารถนำมาใช้กับรถยนต์ทั่วไปซึ่งจะสามารถเพิ่มพลังในการสตาร์ทและอายุการใช้งานของแบตเตอรี่

แหล่งที่มาของข้อมูล:

https://www.centurybatteries.com.au/products/iss-active/idle-stop-start-(iss)-system-information
https://www.varta-automotive.com/en-gb/technology/efb-battery-technology
https://en.wikipedia.org/wiki/Start-stop_system

คุณประสงค์  กุศลส่ง (ที่ปรึกษาอาวุโส)
จัดทำโดย อรนงค์  เหลาทอง (หัวหน้าแผนกวิจัยและพัฒนา)

ในรถยนต์ที่มีระบบ ISS แบตเตอรี่จะต้องสามารถรองรับกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นในการหยุดและการสตาร์ทเครื่องยนต์ รวมถึงการชาร์จไฟอย่างรวดเร็วและความต้องการพลังงานที่จำเป็นในการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าในขณะที่เครื่องยนต์ดับเครื่อง แบตเตอรี่จะต้องสามารถจ่ายพลังงานที่จำเป็นในการสตาร์ทรถโดยใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีเมื่อทำการปล่อยเบรคหรือเหยียบคันเร่ง

แบตเตอรี่ธรรมดาไม่ได้ทำการถูกออกแบบมาเพื่อรถยนต์ที่มีระบบ ISS  สำหรับรถยนต์ทั่วไปแบตเตอรี่จะทำงานเมื่อชาร์จไฟเกือบเต็ม และจะทำการหยุดและสตาร์ทเครื่องประมาณ 2-3 ครั้งต่อวัน พลังงานของแบตเตอรี่ที่ถูกใช้ไปจะถูกชาร์จกลับด้วยตัวกำเนิดไฟฟ้า ( alternator) ในระหว่างการเดินทางและแบตเตอรี่แบบธรรมดาไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานอย่างต่อเนื่องหรือต้องถูกใช้งานในช่วงของการชาร์จไฟ